งานแต่งป้า ภาค 1

เสียสถานะภาพความโสดไปอีกคน สำหรับพวกเรา นปร จากที่ตอนเข้าโครงการโสดทุกคน
 
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมสถาปนาตัวเองเป็นตัวแทนรุ่น ไปร่วมงานมงคลสมรัก ของ ป้าก้อ
ผู้ซึ่งอายุมากที่สุดในรุ่น(ต้องตอกย้ำกันขนาดนี้มั๊ยนี่) โทดดดดดดดดดด
งานแต่งป้า จัดเย็นวันเสาร์ที่ 16 สิงหา ที่สุรินทร์ บ้านฝ่ายเจ้าบ่าว
งานบ้านเจ้าสาวที่พังงาอาทิตย์ที่แล้วก็มี ก้อง เป็นตัวแทนรุ่นไปแสดงความยินดี(คนเดียว แย่จิงๆคนทั้งรุ่นมันไปไหนกันหมด มีแต่คนขี้เกียจไปงานป้า ป้าต้องพิจารณาตนเองแล้วนะ)
เรื่องนี่สำคัญนะ ต้องยินดีอย่างแรงมากมายก่ายกอง เพราะป้าแก…..(เรื่องของฉันเว๊ยยยยยย  ไม่ต้องย้ำ……ป้าแอบโวย)
 
เมื่องานมันมีวันเสาร์ ก็ใช่เรื่องที่เราจะไปก่อน เพราะไม่สนิทกับสุรินทร์
สุรินทร์กับผมไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เราไม่เคยเรียนร่วมกัน ไม่เคยร่วมทุกข์ในโครงการของรัฐโครงการเดียวกัน
ดังนั้นผมจึงรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กๆที่จะไปทำท่าทีสนิทสนมกับสุรินทร์จนเกินงาม
เอ่อ….ชักจะไปกันใหญ่ละ
ก็คือไม่เคยไปสุรินทร์ซักที เลยไม่รู้จะไปทำไมตั้งแต่คืนวันศุกร์ให้ป้าเสียค่าโรงแรมให้ผมนอนนั่นเอง
กระนั้นก็ออกมันเช้าวันเสาร์เสียเถิด รถรอบแรกถึงบ่ายๆ หาก๋วยเตี๋ยวเนื้อตัดกำลังก่อนหนึ่งรอบ เดินรอบเมืองซักรอบ น่าจะใช้เวลาซักห้านาทีเหมือน น่าน แล้วค่อยมาอาบน้ำเข้างาน
 
เช้าวันเสาร์ผม ผมตื่นตีห้า เหมือนทุกวันที่ต้องตื่นมาลงเวลาที กพร
มาถึงหมอชิตใหม่ประมาณ 7 โมง แล้วก็ไปเดินหาตั๋วอยู่ชั้นล่างพักใหญ่ แล้วก็เพิ่งนึกขึ้นได้ ไม่ได้กลับบ้านนี่หว่าเรา
สุรินทร์มันภาคอีสาน ต้องไปซื้อตั๋วชั้นสามนู้นนนนน
ยังดีที่นึกขึ้นได้ก่อนที่จะซื้อตั๋วไปแล้ว แล้วก็แบบ อ่า…ซวยแว๊ววววว
ไปถึงชั้นสาม ผมเดินหานครชัยก่อน สายอีสานยังไง ก็ขอแนะนำว่า นครชัยก่อนเลยครับ เซฟ
ไม่ใช่เซฟเงินเพราะราคาตั๋วโคตรแพง แต่เซฟในเรื่องเวลา คุณภาพของบริการ
แต่ชีวิตไม่เคยง่าย รถนครชัยไปสุรินทร์มีแต่ตอนเย็น จะไปหรือไม่
ไปทำเบื๊อกอะไรล่ะตอนเย็น ไปถึงจะร่วมงานอะไรได้ ไปดูเขาร่วมอย่างอื่นรึไง(หมายถึงร่วมปาร์ตี้หลังงานแต่งน่ะคับ)
ไงดีหนอ ตัวเลือกอันดับสอง เชิดชัย
ไม่ใช่เพราะดีหรอกนะ แต่เพราะตอนอยู่อุบล ใช้บริการบ่อย ประมาณคุ้นเคย(ว่าห่วย)กันดี
แต่ก็ไม่ง่ายอีกแล้ว เชิดชัยไม่มีไปสุรินทร์ อันนี้ก็ไม่รูจริงๆว่าทำไมไม่มี เพราะมันก็ทางผ่านไปอุบลนี่หว่า
คนขายชี้ไปข้างๆ บอกบรืษัทข้างๆมี เฮ้อ………..ถึงตอนนี้ ไม่รู้แล้วล่ะ ไม่เคยขึ้นซักบริษัท อะไรก็ไปละวะ
แล้วก็เลยซื้อของบริษัทที่อยู่ติดกะเชิดชัย ชื่อบริษัทอะไรซักอย่างจำไม่ได้ละ ตั๋วก็ทิ้งไปละ
ออกประมาณ เกือบๆแปดโมง ได้ที่นั่งหลังๆ ข้างหน้าเต็มหมด จริงๆไม่ค่อยอยากนั่งข้างหลังเท่าไหร่ครับเพราะมันใกล้ห้องน้ำเกินไป แต่จำเป็นละคับ
พอถึงเวลารถก็ออก ดูตั๋วมีหางตั๋วนิดนึง แสดงว่าสามารถแลกอะไรได้ซักอย่าง อาจเป็นมื้อเที่ยง หมายถึงต้องมีแวะคงเป็นโคราชละมั้งผมนึก
พอขึ้นรถได้กะนอนเต็มที่ เพราะมันตื่นตีห้าน่ะ แถมที่นั่งข้างหลังไม่มีคน เอนได้เต็มที่ แต่เอนมากเท่าไหร่ก็ใกล้ห้องน้ำเท่านั้น
ข้างหน้าผมมีคุณยายอยู่คนนึง แกเจ็บขา แล้วแกก็พกน้ำมันมวยขวดเบ้อเริ่ม พอรถออกแกก็ควักมาทาใหญ่เลย
กลิ่นน้ำมันมวยตลบ ก็มันรถแอร์นี่
ไอ้เราจะนอนก็นอนไม่ค่อยได้ล่ะสิทีนี้ มันขิว(เหม็น)เหลือเกิน ยิ่งนั่งก็ยิ่งหวิ่ง(เวียนหัว)
สถานะการณ์นี้ถ้าให้จ๋ามันมานั่ง รับประกันการอ๊วกได้เลย อาจมีตายคารถได้
กว่ากลิ่นน้ำมันมวยจะจางพอนอนได้ก็นอกกรุงเทพแล้ว ก็ยังดี ได้นอน
 
พอนอนได้ซักแป๊บบบ ก็โคราชซะแล้ว ทุกคนลงจากรถแล้วก็เดินหายไป ผมมัวแต่จัดของนิดนึง เดินลงมา เขาหายไปหมดแล้ว ไปไหนกันวะเนี่ยะ(แล้วกรูจะกินไรดีล่ะ)
พอดีแถวนั้นมีไอติมขาย มีทีวีดู ถ่ายทอดแบดฯนัดชิงพอดี กินไอติมดูทีวีดีกว่าเว๊ย ว่าแล้วก็ คอนเน็ตโต้ซะสองอัน
พอกินเสร็จก็เดินหาซื้อหนังสือ เผื่อยายแกทายาอีก นอนไม่ได้ จะได้อ่านหนังสือแทน
พอจะขึ้นรถ ก็มีคนเรียก สุดหล่อๆขึ้นรถคันนี้รึเปล่า หางตั๋วเอามาแลกรึยัง
หะแรกก็ไม่ได้สนใจ แต่แกก็เรียกอยู่นั่นแหละ สุดหล่อเสื้อแดงคนนั้นแหละ หางตั๋วแลกรึยัง
หันไปหันมาก็มีเราคนเดียวนี่หว่า แถมใส่เสื้อแดงวันเสาร์ แถวนี้ก็มีคนเดียวอีกแหละ เลยจำใจเดินไปหา
พี่ครับเรียกผมงี้ไม่ได้นะ ผมว่าผมเข้าใจตัวเองดีแล้วว่าไม่หล่อ ดูซิเรียกผมซะเสียเลย อย่ามาทำไขว้เขวสิ
หางตั๋วที่มีมา หาได้มีไว้แลกข้าวไม่ แลกได้โค๊กมากระป๋องนึง มื้อเที่ยงเลยกลายเป็นไอติมกับโค๊ก(อึ๋ยยย…..สยองจริงๆ)
ขึ้นรถได้ ยายแกก็ทาน้ำมันมวยตามคาด ก็แน่ล่ะ เดินไปกินซะไกลลิบยังงั้น
แต่ไม่เป็นไรเราเตรียมหนังสือไว้แล้ว(ดีที่ฉลาด เตรียมการพร้อม)
ครับ อ่านหนังสือบนรถทัวร์กลางวันแสกๆอากาศร้อนเปรี้ยง ขณะรถวิ่ง ข้างหน้ากลิ่นน้ำมันมวย ด้านหลังกลิ่นห้องน้ำเนี่ยะ
เวียนหัวกว่าเดิมอีกกกกกกกกกกกก(แต่ก็ทนอ่านไปงั้นแหละนะ ไม่รู้จะทำอะไรนี่ หนังสือก็ซื้อมาแล้วด้วย)
 
รถวิ่งออกมาได้ซักพักใหญ่ๆยังไม่พ้นโคราชดีนัก
กลิ่นน้ำมันมวยเริ่มหายไป กลิ่นห้องน้ำยังอยู่ แถมมีกลิ่นควันตามมาด้วยนี่สิ
ชักหวิ่ง(เวียนหัว)มากขึ้นทุกขณะ หันกลับไปดู ปัดโธ่เอ๊ย ใครวะเข้าห้องน้ำแล้วไม่ยอมปิดประตู ผมเดินไปปิดประตูกลิ่นห้องน้ำหายไปบ้าง แล้วมานั่งอ่านหนังสือต่อ
แต่กลิ่นควันยังอยู่ ไม่ไหวละ นั่งหลังรถแล้วควันเข้าทุกที เข้าทางประตูฉุกเฉินแหงวะ
ผมละสายตาจากหนังสือ พยายามมองไปข้างหน้ารถ เพื่อหาที่นั่งว่างจะได้ย้ายไป แต่ก็ไม่มี แล้วก็มองไม่ชัดด้วย
การอ่านหนังสือบนรถนี่มันทำให้ตาเสียจริงๆด้วย มองไปมันมัวๆไม่ชัด แม่เตือนแล้วเชียวไม่เชื่อ โทดค้าบแม่
 
พยายามหลับตาพัก ข่มตาหลับขับตานอน หนีสภาพที่เป็น
กลิ่นน้ำมันมวยมาอีกละ ฮั่นแน่….เอามากลบกลิ่นควันล่ะสิ
แต่มันเหม็นเว๊ยยยย………ใช้ยาดมเซ่ ยาดมไปไหน กลิ่นมันตีกันเวียนหัวววววววว
 
ซักพักในขณะที่กำลังเคลิ้มๆ ไม่รู้ว่าจะหลับหรือกำลังจะสลบ
ก็ได้ยินเสียงจ๊อกแจ๊กอะไรซักอย่างที่หน้ารถ ทั้งภาษาไทยและไม่ใช่ภาษาไทย(ภาษาขะแมร์)
อีกซีกพักนึงรถก็ค่อยๆชลอ แล้วก็จอดข้างทาง
พร้อมทั้งเสียงพนักงานตะโกนให้ผู้โดยสารลงจากรถ เพราะรถวิ่งต่อไม่ได้แล้ว ไฟไหม้รถแล้ว  
เจี๊ยกกกกก………………..นึกว่าอ่านหนังสือบนรถแล้วตามัว มองไรไม่เห็น
นี่ควันจริงเหรอวะเนี่ยะ โกลาหลละสิทีนี
พอลงมาได้ เห็นชัดเลย ต้นตอของควัน
ควันพุ่งมาจากท้ายรถตลบเชียว แล้วมันก็เข้าไปในรถแถวข้างหลังนั่นแหละ ควันคลุ้งไปจนถึงหน้ารถ ถึงคนขับนู้นเต็มรถไปหมดยังกะไฟไหม้
 
หมะดองปองปะเดือง….. เสียงคนขับ เด็กรถ ผู้โดยสาร คุยกันด้วยภาษาขะแมร์ฟุ้ง(ทำไมมันดูเหมือนทุกคนพูดกันได้หมดเลยวะเนี่ยะ) ให้ได้สงสัยว่าเราอยู่ไหนวะ
ฟังไม่ได้รู้เรื่อง ไม่ได้ศัพท์ซักคำ ว่าเขาว่าไง แต่แน่ๆ ควันมันดูท่าจะไม่หยุดง่ายๆ แอบถามพี่คนนึงแถวท้ายรถ เขาบอกหม้อน้ำมันรั่ว ต้องหาน้ำมาเติม
แล้วตอนนี้เราอยู่ที่ไหน ไม่ได้อยู่ในเมืองเลย มองไปไม่เห็นบ้านคนซักหลัง สองฟากข้างมีแต่นาแล้วก็นา จะไปเอาน้ำที่ไหน
ว่าแล้วพนักงานรถหันซ้ายหันขวาซักพักแล้วก็ถือถังน้ำเดินลงนาไป แล้วก็ตักน้ำในนานั่นแหละมา(ถ้าเป็นหน้าแล้งนี่ตายไปเลยจะไปเอาน้ำจากไหนมาเติม)
ตอนนี้รถดับเครื่องไปแล้ว จะกรอกน้ำใส่หม้อก็ต้องสตาร์ทเครื่องก่อน
ชีวิตมันไม่เคยง่ายครับ รถมันดับแล้วดับเลย สตาร์ทไม่ได้แล้วล่ะครับ
พี่คนขับบอกต้องรอให้มันเย็นก่อนใจเย็นๆครับทุกท่านว่าแล้วก็กรอกน้ำใส่ขวด แล้วก็ค่อยๆเทราดลงไปที่ครื่องยนต์
เสียงน้ำเดือดระเหยกลายเป็นไอเสียดัง ฉ่า ฉ่า ไอน้ำคลุ้งตลบปนควันที่เล็ดจากเครื่องยนต์
สามถัง สี่ถังผ่านไป เสียงน้ำเดือด ฉ่า ฉ่า  ก็ยังไม่หายไป มันยังไงซะแล้ว
คนขับก็สตาร์ทรถเป็นระยะๆ แต่ใบพัดไม่ขยับเลย
ตอนนี้บ่ายครับ ตะวันตรงหัว แม้เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ก็ไม่ได้คล้อยลงไปซักกี่มากน้อย ยังแผดแสงแดดร้อนเปรี้ยงมาที่พวกเรา
ทั้งง่วงทั้งร้อน ร่มไม้ข้างทางก็ไม่มี มีร่มไม้เล็กๆ เหล่าผู้โดยสารก็ไปยัดทะนานหลบแดดบ่ายกันหมด
ด้วยแดดบ่าย เงารถจึงไม่มีให้หลบ จะขึ้นไปหลบแดดบนรถ ก็เตาอบดีๆนี่เอง เผลอหลับไปอาจถึงตายไปเลย
หนังสือที่ซื้อมา มีประโยชน์ตอนนี้เอง พอได้คลุมหัวล่ะวะ เห็นรึยัง เห็นความฉลาดรอบคอบรึยัง 5555
จน ชั่วโมงกว่าๆผ่านไป ในที่สุดความพยายามของคนขับรถก็สำเร็จ เครื่องร้อนน้อยลงจนพอสตาร์ทติด
ผู้โดยสารทั้งหลายก็เริ่มใจชื้นว่าใกล้ละเว๊ย เด็กรถช่วยกันไปตักน้ำจากนามากรอกขวด เพื่อเติมหม้อน้ำ
ช่วงแรกๆเทลงไปน้ำเดือดกระจาย จนต้องกระโดดหลบเป็นพัลวัน แต่ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จก็จะอยู่ที่นั่น
เดือดก็ค่อยเติมๆไป แล้วก็กระโดดหลบไป จนในที่สุดก็สามารถกรอกน้ำลงไปในหม้อน้ำจนอยู่ในระดับที่เขาบอกว่าพอละ ได้
 
มาถึงตรงนี้กว่าชั่วโมงครึ่งเกือบสองชั่วโมงแล้ว ที่่ผมยืนตากแดดร้อนเปรี้ยงอยู่ (หมอบอกหน้าห้ามโดนแดด แต่ไม่ทันละ โดนไปละ ดำไปละ)
แล้วเด็กรถท้ายรถกับผู้โดยสารที่รู้เรื่องเครื่องยนต์และไปช่วยกันดูอยู่ก็ตะโดนบอกคนขับว่า ดับเครื่องๆๆ ไม่ไหวๆ ฝาสูบแตก
 
ครับหลังจากพยายามกันมาเกือบสองชั่วโมงเราก็เพิ่งพบว่า ฝาสูบมันแตกไปแล้ว รถมันไปไม่ได้แล้ว
อาจจะพอไปได้แต่คงไม่ได้ไกลประมาณนั้น ยอมแพ้ได้แล้วทุกคน บอกแล้วชีวิตมันไม่ได้ง่ายอย่างนั้น
อ้าว………..แล้วจะไปอย่างไร
ผู้โดยสารท่านหนึ่งบ่นขึ้นมาว่า สายนี้รถไม่ค่อยวิ่งด้วยสิ รถมันวิ่งกันอีกสายนึง ชักไม่ดีแล้วสิ
แล้วคนขับรถก็ออกมาประกาศว่าใจเย็นทุกคน บริษัทเรามีรถอีกเที่ยวที่จะไป สีเกด ตามมาติดๆ(ติดยังไงวะสองชั่วโมงยังไม่เห็น) เด๋วเราถ่ายรถไปขึ้นคันนู้น หากแต่ว่าท่านต้องรอกันซักแป๊บ
ทางเลือกคือเมื่อมีรถคันอื่นมาท่านสามารถขึ้นไปได้ครับไม่มีปัญหา แต่ท่านต้องจ่ายตังค่ารถเอง เพราะไม่ใช่บริษัทเรา แป่วววววว……………
 
หลังจากนั่งรอใต้ต้นไม้น้อยแถวนั้น สู้กับแดด สู้กับมดแดงหวงที่อยู่ราวครึ่งชั่วโมง รถสีเกดก็มาถึง
ทุกคนกรูกันขึ้นไปนั่งด้วยความรวดเร็วไม่เว้นยายน้ำมันมวยคนนั้น แล้วก็มีผู้โดยสารท่านหนึ่ง ขาเจ็บเหมือนกัน ค้ำไม้ค้ำสองข้าง ไหนจะของไหนจะกระเป๋า
ก็เลยไปช่วยเขาหิ้วของก่อน จนเขาพยุงตัวเองไปที่รถได้ พอขึ้นไป ที่เต็มหมดแล้วครับ ใครก็ไม่ลุก เพราะจ่ายตังเหมือนกัน
ผมพยายามมองหาที่นั่งให้พี่ขาเจ็บ
แล้วก็มีลุงคนนึงกวักมือมา แล้วก็ลุกให้นั่ง
ครับ…….น้ำใจยังไม่หมดจากสังคมไทยไปซะทีเดียว
ลุงแกบอกว่านี่รีบมานั่งจองให้ เพราะคงไม่มีใครเขาลุกให้แน่ พี่เจ็บขายกมือไหว้ท่วมหัว สำนึกซาบซึ้งในน้ำใจลุง
พี่ขาเจ็บเลยรอดตัวได้นั่งไป ส่วนผมก็ยืนตามระเบียบ ฐานขึ้นรถคนสุดท้าย
 
ผมยืนได้ประมาณเกือบๆชั่วโมง ก็มีคนลงจนมีที่ว่างให้ได้นั่ง
ซึ่งสบายมาก ซ้อมยืน(โหนรถเมล์)ทุกวันอยู่แล้ว ชั่วโมงเดียวสบายมาก
แล้วพายุก็ผ่านพ้นไป ยายน้ำมันมวยก็ลงไปแล้ว ห้องน้ำก็ไม่เหม็นแล้ว ควันก็ไม่มีแล้ว ได้นั่งหน้าสุดตามประสงค์(ซึ่งไม่ประสงค์แล้วในตอนนั้น)แค่ได้นั่งฝั่งแดดส่องพอดีร้อนชิบ
ชีวิตก็อย่างนี้แหละ
พายุจะผ่านไปได้ยังไงถ้ามันไม่มีพายุ(จะบอกทำไม…..)
 
แล้วสุรินทร์ก็มาถึง
จริงๆแล้วมาถึงสุรินทร์มากกว่า ตอนประมาณสี่โมงครึ่ง
 
รีบโทรหาป้าก้อโดยพลัน เพราะบอกแล้วว่าไม่ได้สนิทกับสุรินทร์เป็นการส่วนตัว
ป้าบอกรอแป๊บบบ เด๋วไปรับ
ในระหว่างรอ ก็อยากกินไอติมเหลือเกิน ฉลองความสำเร็จที่มาถึงหน่อยดีกว่า ดูซิว่าไอติม วอล์ล ที่นี่จะอร่อยกว่าที่กรุงเทพอ๊ะเป่า
เดินดูร้านรอบๆสถานี ก็ไม่มี
เดินเลยออกไปถนนใหญ่ก็ไม่มี เดินกลับมาอีกฝั่งทะลุถนนด้านหลังก็ไม่มี
อะไรวะ สุรินทร์ไม่มีไอติมกินรึไงนี่
เดินกลับมารอป้าที่ชานชลา ถึงพบว่า ไอติมมันก็ขายอยู่ตรงนั้นแหละ
มองการไกลจนมองไม่เห็นปลายตีนตัวเอง เหมือนโครงการ นปร อีกละ
แล้วก็ได้กินไอติมสมใจอยาก
 
ซักพักป้าก็มารับ มาทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาวเลย มาแบบแต่งเต็มยศ เพราะมันจะเริ่มงานแล้ว
หลังจากนั้นป้าก็พามาโรงแรม ซึ่งก็พบว่า(อีกละ)โรงแรมมันใกล้ซะเดินไปก็ได้
ตอนเดินหาไอติมก็เดินออกมาก็น่าจะเห็น ตึกออกจะใหญ่โต เบ้อเริ่มเทิ่ม
แต่ทะลึ่งมองหาแต่ไอติมอันเล็กนิดเดียว
นี่เองที่โบราณท่านว่า ไอติมบังโรงแรม (มีป่าวหว่า….ช่างมันเถอะ)
 
เกือบๆห้าโมงถึงโรงแรม
ออกบ้านตีห้ากว่า
มาถึงก็เหนื่อยแล้ว
 
นี่เพิ่งมาถึงครับ ยังไม่ได้พูดถึงงานแต่งเลย
 
(ยาวเกินไปไว้มาอัพต่ออีกที โปรดติดตามตอนต่อไป ไม่รู้เมื่อไหร่)
 
 
 
 
 
 
 
 
ข้อความนี้ถูกเขียนใน ไม่มีหมวดหมู่ คั่นหน้า ลิงก์ถาวร

10 ตอบกลับที่ งานแต่งป้า ภาค 1

  1. จารุภัทร พูดว่า:

    พอประกาศข้อมูลเสร็จถึงเห็นว่า ยาวสัส 55555
    จะอ่านกันไม๊นี่

  2. W a n w i s พูดว่า:

    ยาวมั่กจิงๆด้วย ไว้จะกลับมาอ่านใหม่หลังเลิกงานนะ
    ยินดีกะป้าก้อด้วยจ้า มีหลานๆ ให้พวกเราไวไว นะอิอิ

  3. เหมือนจ๋า พูดว่า:

    ฉันอ่านครบทุกตัว
    ขำแสดๆ
    มาเล่าต่อเด่ะ

  4. Anucha พูดว่า:

     
    อ่านซิ สนุกดี
    ยินดีกับพี่ก้อด้วยนะจ๊ะ ที่มี "ผัว" เป็นตัวเป็นตน (ขอโต๊ดดดด กลอนมันพาไป)
    เหนื่อยไหม จัดทีเดียวสองงาน ไม่คิดจะแต่งอีกแล้วใช่ไหม จัดซะคุ้มเลย
    อยากเห็นบรรยากาศในงาน
    รออ่านตอนสองอยู่นะจ๊ะ
     
    ปล. ว่างๆ ไปทำบุญบ้างนะหนุ่ม
     

  5. นอรธ พูดว่า:

    ใกล้กลายเป็นกระทู้แนะนำ แบบ ของหง ซะแว้ววว

  6. hon พูดว่า:

    อ่านจ้าอ่าน พี่หนุ่ม แหมถึงเรื่องจะยาวแต่ก็ขำและมันส์เหมือนเดิมนะจ๊ะ
    พี่หนุ่ม อ่านหนังสือบนรถ รับประกันการปวดหัวนะจ๊ะ ดีที่ไม่อ๊วกนะเนี่ย
    ทำไมชีวิตพี่มันเป็นยังงี้วะเนีย
    แล้วนีที่ท่ารถเค้าไม่ตะลึงกันไปหมดเหรอ เจ้าบ่าวเจ้าสาวมาเต็มยศ น่าจะชักภาพมาซักรูปนะ ขำดี
    555

  7. jarunan พูดว่า:

    ฉันมาลงชื่ออ่านแว้ว………………..
     
     
    อย่าลืมเตือนป้ามาแต่ง กทม นะเฟร้ย

  8. PooH พูดว่า:

    ภาษาแขกยังฟังออก ประสาอะไรกับภาษาส่วยของชาวสุรินทร์เล่า พี่
    ลืมฝากซองอ่ะ ถ้าพี่ก้ออยากได้ตังค่านมลูก ขอให้จัดกินเลี้ยงที่ กทม. อีก 1 รอบ

  9. Gumby พูดว่า:

    เข้ามาอ่านแร๊ะ ขำตั้งแต่ยังไม่ขึ้นรถเลยเน๊อะหนุกๆ เอาอีก ๆๆๆ

  10. J พูดว่า:

    ทำไมชีวิตมันเศร้าเคล้าน้ำตางี้อ่ะเนี่ย
     
    เอาวะ ปานหาย ชีวิตจะดีขึ้น ตามคำทำนาย เพี้ยงๆ

ส่งความเห็นที่ จารุภัทร ยกเลิกการตอบ