บ้าน(ที่หายไป……ที่ตามหา)

จากคราวก่อนที่ได้กล่าวถึงหนังเกาหลีเรื่องหนึ่งที่ชอบมาก
ทำไมล่ะ ทำไมถึงชอบ
ที่ชอบก็แค่แอบรู้สึกถึงตัวเองอยู่ในนั้น เลยแอบอิน
คนที่ไม่รู้สึกถึงอะไรในนั้นก็ไม่ชอบเป็นธรรมดา เพราะหนังไม่ได้ทำออกแบบเลอเลิศอะไร
ออกจะนิ่งๆ เรื่อยๆ
 
ตรงไหนล่ะที่รู้สึกถึงตัวเอง
อ่ะทายสิ
หนังเรื่องนี้ มีตัวเอกจริงๆแค่สอง คือคู่พระนางเท่านั้นเอง
หากจะรู้สึกอะไรก็ต้องมาจากสองคนนี้อยู่แล้ว
พระเอกนิ่งๆเงียบๆ ไม่ศรัทธาการแต่งงาน ความสัมพันธ์มีเซ็กส์เป็นตัวดำเนินเรื่อง
นางเอก ขำๆ เฮฮา ใช้ชีวิตเหมือนไม่ซีเรียสเรื่องอะไร แต่จุดมุ่งหมายสำคัญสุดในชีวิตคือการแต่งงาน กับใครก็ได้
 
คิดว่าผมแบบไหน
 
เฉลยเลยละกัน
ไม่ใช่พระเอกครับ คงมีคนทายงี้มั่งแหละ
ผมอินไปกับนางเอกมากกว่า
มีชีวิตอยู่เพื่อแสวงหาการแต่งงาน
โดยตัวเหตุผลแท้จริงของนางเอกผมก็ไม่ค่อยจะเข้าใจทะลุเท่าใดนัก เพราะซับอังกฤษทั้งนั้น อ่านให้ทันก็อ๊วกแล้ว
แต่ผมก็มีเหตุผลของผมแหละนะ ซึ่งแน่นอนมันผิดไปจากเพื่อนๆผู้ชายในกลุ่มเดียวกันลิบเลยทีเดียว
 
เมื่อวันก่อนติดรถโอ๋ออกไปต่อรถข้างนอก
อารมณ์ไหนไม่รุเหมือนกัน จู่ๆโอ๋ก็ถามประมาณว่า คิดว่าพร้อมแต่งงานตอนไหน
ไม่ต้องคิดนานเลย ผมสามารถตอบได้ทันที ตอนอายุ 21 (นั่นเป็นตอนที่เรียนจบและเริ่มทำงาน)
ในความหมายของคำว่าพร้อม ผมไม่ได้หมายความไปถึงว่าผมมีทุกอย่าง มีบ้านมีรถมีเงิน ฯลฯ พร้อมแล้ว
อีกทั้งความหมายของการแต่งงานของผมหมายถึงการมีครอบครัว ไม่ใช่งานแต่ง
พร้อมในที่นี้ผมหมายถึง ผมพร้อมที่จะมีครอบครัว พร้อมที่จะทุ่มเททุกอย่าง เพื่อครอบครัว พร้อมรับผิดชอบชีวิตคนอื่น และชีวิตที่จะตามมา ฯลฯ
ซึ่งออกจะดูแปลกไปซักนิดสำหรับผู้ชาย เพิ่งจบ มีงานทำ มีเงินเดือน
ส่วนใหญ่ก็จะคิดถึงการมีนั่นมีนี่ การท่องเที่ยว การใช้ชีวิต ฯลฯ
และเที่ยวจนกว่าจะพอ จนกว่าจะแก่ตัวและคิดถึงการมีครอบครัวเสียที
 
ถ้าใครที่พอจะรู้จักนิสัยผมอยู่บ้าง ก็คงจะไม่แปลกใจเท่าไหร่กระมัง
โดยส่วนตัวแล้ว ผมไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่ชอบเที่ยวกลางคืน ไม่เที่ยวผู้หญิง ไม่ชอบเล่นการพนัน ฯลฯ
แถมอีกหน่อย ไม่ชอบเข้าวัดเข้าว่าทำบุญด้วย
คนส่วนใหญ่พอรู้ อาการแรกก็จะแบบ เฮ๊ยยย…..จิงดิ หน้างี้อะนะ ไม่ต้องมาอำเลย ตอแหลชัดๆ
หลังจากยืนยันแน่นอนแล้วก็จะมีอีกอาการคือ แล้วแมร่งอยู่ไปทำไมวะเนี่ยะชีวิตมรึง เกิดมาทำไมเนี่ยะ
(เออน่า ชีวิตกรูน่า)
ก็ผมเป็นอย่างนี้นี่เอง อะไรก็ไม่ทำ ความหมายในชีวิตผมคืออะไรล่ะ
ความหมายในชีวิตของผมก็แค่การมีครอบครัว มีเมีย มีลูก มีบ้านให้เขาอยู่ ทำงานหาเงินดูแลรับผิดชอบ อยู่กันสงบๆไม่ต้องมีอะไรให้มากเกินไปก็แค่นั้นเอง
ครอบครัวคือสิ่งยึดเหนี่ยวใจเรา ทำให้รู้สึกถึงความหมายของการมีชีวิตอยู่
เป็นเหตุผลของการที่จะทำอะไรก็ตามต่อไปในอนาคต
 
พอเราเรียนจบ เมื่อเราเริ่มทำงาน ชีวิตของเราก็เปลี่ยนไปตลอดกาล
ผมจบวิศวะโยธา งานที่ได้ก็ตามประสาโยธา คืออยู่ไซต์งาน ร่อนเร่ไปเรื่อยๆ เสร็จที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง
พอทำๆไปแล้ว ก็ไม่รู้จุดหมายว่าทำไปเพื่ออะไร ทำเพื่อตัวเองหรือ จะว่าชอบก็เปล่าเลย น่าเบื่อเอามากๆซะด้วย
การย้ายไปเรื่อยๆ ไม่เป็นหลักแหล่ง
บางครั้งทำให้รู้สึกว่าไม่มีที่กลับ ไม่รู้จะเข้าใจกันรึเปล่า บ้านมันหายไปจากชีวิต
 
บ้านผมอยู่น่าน แต่กลับน่าน เหมือนแค่ไปเยี่ยมแม่ที่น่าน ไม่ได้รู้สึกว่ากลับบ้าน
บ้านที่กรุงเทพ ก็เหมือนมาอาศัยนอน เพื่อไปทำงานในอีกวัน ไม่ใช่บ้าน
ทำไม
เอาง่ายๆ ที่น่าน กลับไป ไม่มีห้องของเรา ไม่มีเตียงของเรา ไม่มีของๆเรา ไม่มีเสื้อผ้าไม่มีทรัพย์สิน คราวนี้กลับไปอาจนอนพื้นกับหมอนใบนั้น
คราวหน้าอาจนอนเตียงหวาย กับหมอนอีกใบ อีกคราวอาจนอนเตียงไม้ที่ปรกติน้องชายนอนอยู่กับหมอนอีกใบ มันเหมือนการผ่านแวะเวียนมาเท่านั้น
ความคุ้นเคย ความเป็นที่ของเรา ไม่มี การกลับน่านจึงเพื่อเยี่ยมเยียน เท่านั้น
ที่กรุงเทพ ห้องที่อยู่ก็ของพี่ เตียงที่นอนก็ของพี่ แค่ขอยืมใช้เท่านั้นเอง เสื้อผ้าก็อยู่ในกระเป๋า กับกองบนพื้น มีสภาพเตรียมจากไปเต็มที่ นี่ก็ไม่ใช่บ้าน
การมาที่นี่ เป้าหมายก็คือแค่มานอน นอนเพื่อจะจากไปเมื่อตื่น เท่านั้น
 
การใช้ชีวิตหลังจบการศึกษา มันยากนะ
ชีวิตมันมีเรื่องราวมากมาย ให้ลำบาก ให้ทุกข์ยาก ให้เสียใจ ให้หดหู่
เมื่อเรื่องราวเหล่านี้มันประเดประดังเข้ามา คนเราก็ต้องการที่ไหนซักที่เพื่อพักผ่อน เพื่อพักพื้น หรือเพื่อหลีกหนีจากมัน
ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็หนีไม่พ้นบ้าน ทุกคนต่างกลับบ้าน
เคยไม๊เวลาเหนื่อยๆ เวลาอ่อนล้า เวลาอยากพัก
คุณไปที่ไหนกันล่ะถ้าไม่กลับบ้านน่ะ
 
ตอนผมทำงาน ก็เป็นปรกติที่จะต้องพบเจอเหตุการณ์ดังว่า
ประสบกับความอ่อนล้าดังว่า
แต่กลับมองหาที่ไปไม่เจอ
รู้สึกว่าตัวเองไม่มีที่ไป บางทีก็เตลิดไปที่ไหนซักที่ ไปนั่งอยู่ริมน้ำมั่ง
ขับรถไปเรื่อยๆมั่งไม่มีจุดหมาย ไปนั่งตามสวนสาธารณะมั่ง
คนจะพูดคุยด้วยยังไม่ค่อยมีเลย
จนวันนี้ก็ยังไม่มี
 
ครอบครัวของเรา จึงเป็นอะไรที่ผมโหยหาซะเหลือเกิน
นั่นหมายถึง เรามีที่กลับไป
ทำงานเหนื่อย เย็นมากลับบ้านไปเล่นกับลูกก็ช่วยคลายเหนื่อยได้
มีปัญหาหนักใจ กลับไปเล่าให้เมียฟัง ก็ช่วยให้เบาลงได้บ้าง แม้อาจช่วยไม่ได้
การทำงานหนัก ก็มีเหตุผลเพียงพอว่าเพื่อลูกเพื่อเมีย มีน้ำหนักให้ทุ่มเทอย่างเต็มที่
การหาเงิน ก็เพื่อดูแลครอบครัว ซื้อของให้เมีย พาลูกไปเที่ยว
มีเหตุผลในการหาเงิน มีเหตุผลในการทำงาน มีเหตุผลในการคงอยู่ของเรา
 
แต่นั่นแหละครับ ชีวิตมันไม่ง่ายเพียงแค่โหยหามันก็จะได้จะมี
ปัจจัยมันมีอีกเยอะจริงๆ
 
จริงๆเรื่องนี้ที่คิดจะเขียนมันยาวมาก
มีประเด็นย่อยที่อยากพูดถึงเต็มไปหมด
หลากอารมณ์ความรู้สึก
 
แต่เริ่มรู้สึกว่าตัวเองไม่อาจเรียงร้อยมันออกมาเป็นสายเดียวกันได้ซะงั้น เริ่มวกวนเหมือนคนละเรื่อง
 
อาจเพราะสมาธิที่ช่วงนี้แตกกระจายซะเหลือเกิน ทำไม่ได้แม้แต่ฟังเพลง อ่านหนังสือ
 
อาจเพราะกิ่งก้านมันเยอะจนรวบไม่ลง
 
อาจเพราะเรื่องมันก็ยังไม่ตกผลึก
 
หรืออาจเพราะ (ลืมเหตุผลข้อนี้ซะงั้นเมื่อกี้ยังนึกออกเลย พ่อโทรมาพอดีลืมเลย)
 
เอาเหอะไม่ได้สลักสำคัญอะไร
อย่างไรก็ดีันนี้ผมก็ยังหาไม่เจออยู่ดี
 
หลายคนที่มีบ้าน มีที่กลับ มีที่พักกายและใจ
อาจจะไม่ใช่บ้านที่มีลูกเมีย แต่เป็นบ้านของเรามีพ่อแม่ที่รักเราพร้อมที่จะรับฟังและให้คำปรึกษา
ที่ๆสบายใจที่ได้กลับ
ที่ๆทำให้รู้สึกว่า
เรา….กลับถึงบ้านแล้ว
ก็ยินดีด้วยครับ ผมอิจฉาคุณ
 
ใครหลายคนที่กำลังจะมีบ้าน มีที่กลับสำหรับตัวเอง
ก็ยินดีด้วยครับ
 
ส่วนเด็กหลงทางอีกหลายๆคนที่เหลือ
หวังว่าจะหาพบ
บ้านที่อบอุ่น ที่สามารถพักกาย พักใจ
ที่ๆสามารถพูดได้ว่า กลับบ้าน
และที่ๆทำให้รู้สึกว่า กลับมาถึงบ้านแล้ว
 
เสียที…..
 
 
 
 
 
 
 
ข้อความนี้ถูกเขียนใน ไม่มีหมวดหมู่ คั่นหน้า ลิงก์ถาวร

17 ตอบกลับที่ บ้าน(ที่หายไป……ที่ตามหา)

  1. hon พูดว่า:

    ถ้าเป็นหงดูอาจจะอินไปกะพระเอกซะมากกว่า
    ไม่ใช่ว่าไม่ศรัทธาชีวิตแต่งงาน แต่ครอบครัวของหงแค่พ่อ แม่ ยาย พอ ถ้าบังเอิญจะมีฝาชีและลูก ก็ถือเป็นกำไรชีวิต
    ถ้าพูดถึงชีวิตครอบครัว ก็อยากเก็บเงินซื้อบ้าน แล้วพาแม่ กะยายมาอยู่ด้วย
    กลับบ้าน ได้กินกับข้าวที่บ้าน ได้ยินเสียงแม่บ่น
    ตื่นเช้า เดินออกจากห้องนอน เดี๋ยวก็เจอคนนั้นคนนี้ตอนกินข้าว
    หรืออยู่เฉยๆ แต่รู้ว่ามีใครซักคนเดินไปเดินมาอยู่ในบ้าน
    หรืออยู่บ้านคนเดียว แต่รู้ว่าเดี๋ยวก็มีคนกลับมา
    บ้านที่มีคนที่เรารักและรักเรา
    มันเป็น "บ้าน" ที่เด็กไกลบ้านโหยหา
    จริงๆนะ

  2. J พูดว่า:

    บ้านเหรอ
     
    บ้านที่ กทม. เป็นที่ของเมษ์ เพราะมันเป็นของเมษ์ทุกส่วน พ่อแม่ไม่ได้เข้ามานานแล้ว บ้านจึงรกโคตรๆ 555 แต่มันก็ไม่ใช่ที่ที่จะกลับไปเมื่อเหงา หรือว้าวุ่น เพราะรู้ดีว่า กลับไป ไม่ได้ช่วยให้มีความสงบแต่อย่างใด มันจึงเป็นเพียงที่ (ซุกหัว) นอน เท่านั้น
     
    บ้านที่ชลบุรี มีห้องของตัวเอง มีมุมส่วนตัวหลายๆที่ ในบ้าน มุมที่พ่อกะแม่สร้างไว้ให้ เพราะรู้ว่าเมษ์ต้องการมัน เมื่ออ่อนล้า หลายครั้งก็อยากกลับไปที่นั่น กลับไปอยู่กับตัวเองที่นั่น กลับไปเจอหน้าพ่อแม่ แต่ไม่อยากพูดคุย เพราะรู้ว่าพูดคุย มันไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้น บางครั้งทำให้จิตตกหนักไปกว่าเดิม เพราะฉะนั้น ขอเจอหน้ากัน กินข้าวที่แม่ทำ ดูทีวีกับพ่อ ก็พอแล้ว
     
    เมษ์ก็เป็นเหมือนหลายๆ คน ที่ฝันถึง บ้านของตัวเองจริงๆ

  3. จารุภัทร พูดว่า:

    หง  ขอไปกรมศุลฯกับพี่ แล้วขอออกไปอยู่ด่าน เดี๋ยวก็มีบ้านทันใจเลย
    เมษ์  ก็เจอแล้วนี่บ้านของตัวเอง รีบหน่อยถ้าต้องการจริง ใจเย็นเหมือนพี่ไม่ได้นะ ปัจจัยที่เราไม่รู้มันเอยะจริงๆ

  4. wuttithon พูดว่า:

    ขอโควตตรง
    "โดยส่วนตัวแล้ว ผมไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่ชอบเที่ยวกลางคืน ไม่เที่ยวผู้หญิง ไม่ชอบเล่นการพนัน ฯลฯ"ฃ
    ตรงกันข้ามกับฉันหมด มีตรงกันก้ตรงที่ ฉันไม่เคยเที่ยวผู้หญิง (เพราะคิดว่าเราไม่ควรต้องจ่ายเงินเพื่อ sex) ไม่ชอบเล่นการพนัน (จะเล่นก็เฉพาะตอนอยู่กับเพื่อนสนิท นิดหน่อย)
     
    แล้วก็โควตตรงที่

    "หลายคนที่มีบ้าน มีที่กลับ มีที่พักกายและใจ
    อาจจะไม่ใช่บ้านที่มีลูกเมีย แต่เป็นบ้านของเรามีพ่อแม่ที่รักเราพร้อมที่จะรับฟังและให้คำปรึกษา
    ที่ๆสบายใจที่ได้กลับ
    ที่ๆทำให้รู้สึกว่า
    เรา….กลับถึงบ้านแล้ว
    ก็ยินดีด้วยครับ ผมอิจฉาคุณ"
    อันนี้ฉันมีหมด เพราะฉะนั้นมันจึงเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจฉันอันเดียวที่มีอยู่ ณ เวลานี้ เพราะเรารู้ว่าไม่ว่าจะจิตตก หมดกำลังใจ จากเรื่องอะไรก็ตาม
    เมื่อเรากลับบ้าน เรายังเจอคนที่รักเราที่สุดอยู่สองคน (พ่อแม่) และมีหมาที่นอนกับเราไม่ให้เราเหงาอีก 3 ตัว 555
     
    ส่วนเรื่องแต่งงาน ถ้าถามว่าพร้อมไหม ถ้าไม่ติดตรงที่เดียวที่มีรายได้แค่หมึ่นกลาง/เดือน
    ตอบได้ตามตรง ณ เวลานี้ว่าพร้อมแล้ว เพราะเราผ่านเรื่องทุกอย่างมาหมดแล้ว ชีวิตเสเพลสุดๆ ก็ผ่านมาแล้ว ไม่มีอะไรที่ไม่เคยทำ หรืออยากจะทำก่อนที่จะแต่งงาน ถ้ามีผู้หญิงที่รับเราได้ตรงจุดนี้ happy ที่ได้มีเราอยู่ในชีวิตเขา ฉันแต่งได้เลย
     
    แต่ผู้หญิงที่ว่า "ควร" จะมีทุกอย่างมาพร้อมกัน คือ หน้าโอ เนื้อตัวดี หุ่นดี สะอาดสะอาด 555

  5. W a n w i s พูดว่า:

    ออกจากบ้านมาตั้งแต่ไม่ทำบัตรประชาชน สิบกว่าปีแล้ว
    อยู่หอกับเพื่อนจนชิน จนมีอยู่บางช่วงที่กลับบ้านไปแล้วรู้สึกไม่คุ้นเคย
    จริง ที่บ้านนี้อยู่มาตั้งแต่เกิดจนโต แต่มันไม่ใช่ที่ๆ เราอยู่ทุกวันอีกต่อไป
    สิ่งที่ทำให้บ้าน เป็นบ้านของฉัน คือ คนในบ้าน พ่อแม่ น้อง ตา และหมา แค่นี้น่านก็เป็นบ้านของปรางแล้ว
    แต่ตอนนี้เหรอ …. มีหอเป็นบ้านจนชิน เมื่อก่อนไม่เคยเหงา แต่พอเริ่มอายุมากขึ้นเพื่อนๆ เริ่มหาย ก็เริ่มวังเวง ;p
     

  6. เหมือนจ๋า พูดว่า:

    ฉันอยากมีบ้าน ไว้อยู่ตัวคนเดียวสงบๆๆๆๆๆๆๆๆ มีม๊ายยยยยยยยยยยยยยยย
    ตลอดชีวิต ฉันอยู่บ้านมาตลอดชีวิต กลับมาบ้านก็เจอพ่อแม่น้องๆและหมา มันช่างอึกทึกยิ่งนัก สิ่งมีชีวิตเพียบบบบบบ
    หลายครั้งที่ทุกคนไปต่างจังหวัดกันหมดบ้าน แล้วฉันอยู่บ้านคนเดียว มันช่างมีความสงบสุขเสียเหลือเกิน 555
    ไม่ได้หมายความว่ามีครอบครัวอยู่ด้วยแล้วไม่ดีนะ แต่มันหมายถึงว่า บางที บางเวลา ฉันก็อยากอยู่คนเดียวเงียบๆโคตรๆ มากๆ เช่นกัน
     
    ปล.อดทนไว้นะ อีกไปนานก็จะได้ไปทำงานกรมศุลฯแล้ว ไม่ต้องห่วง คิดซะว่าช่วงนี้พักผ่อนยาว เปนช่วงสบายของชีวิตก็ละกัน

  7. jarunan พูดว่า:

    บ้านของน้องนัน หลังเล็ก ๆ หลายชั้น เวลาใครอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวเลยไม่ค่อยมีใครเจอใคร…เพราะเวลาน้องนันอยู่บ้านแบบเสาร์-อาทิตย์ พี่สาวจะไปสอนเต็มวัน เวลาวันธรรมดา เจ๊เขาจะนอนถึงบ่ายสองแล้วไปสอนถึงดึก ด้วยความที่พี่สาวและน้องนันใช้ชีวิตส่วนใหญ่ข้างนอก พ่อนอนอยู่บ้านเฉย ๆ พวกเราคุยกะพ่อเล็กน้อยกันพ่อเหงาเวลาเสาร์อาทิตย์หรือตอนเช้าถ้าเจอ…… แต่ไม่ใช่ปรึกษาปัญหา ป่ะป๊า เป็นคนจีนอายุเกือบ 75 ด้วยความต่างของวัยเกือบ 50 ปี ทำให้ป๋าไม่เข้าใจเรื่องที่น้องนันพูดหรอก เพราะฉะนั้นเราจึงพูดเรื่องที่คิดว่าเขาสนใจและเข้าใจมานานหนักหนา…..ถือว่าพวกเราเป็นลูกที่ไม่เคยมีปัญหาให้พ่อต้องแก้ไขเลย ไม่ทำสิ่งที่พ่อไม่ชอบ รู้แค่นี้เพราะพ่อดุมั่ก ๆ ความรู้สึกกับพ่อจึงเหมือนกับ กัว+เคารพ รักเล็กน้อย ไม่มากเหมือนที่เรารักแม่ของเรา
     
    ชีวิตสมัยเด็ก ถือว่าเป็นเด็กที่มีครอบครัวอบอุ่น ที่มันอุ่นเพราะมีแม่ที่ให้ความอบอุ่น แม่จะเป็นคนที่รู้จักเพื่อนทุกคน รู้แบบไม่เคยเห็นหน้า น้องนันก็เล่าให้แม่ฟังถึงคนนั้นคนนี้ คุยกะแม่ได้ทุกเรื่อง….ปัญหาอะไร แม้แม่จะแก่ ก้อ เข้าใจเรา ตอนนี้หน้าที่นี้มันตกอยู่กะพี่สาว มันไม่ใช่ คนให้คำปรึกษา แต่มันเป็นคนที่ได้ฟัง นั่นนี่ แบ่งกันฟัง ผลัดกันฟัง มันกลับบ้านมา 5 ทุ่มก้อต้องขุดฉันขึ้นมาฟังว่า อีเด็กที่ชื่อแปก ๆ น้องโอ๊ต น้องเบย์ น้องเบ่เบ๋ มันน่ารักงั้นงี้ยังไงไรงี้ ดังนั้นเจ๊ก็จะรู้จักเพื่อน ๆ ของฉันในระดับหนึ่ง เพราะเราเล่าให้ฟังเป็นแบบ มีคนให้คุยด้วยก้อดีอ่า…..นอกนั้นเวลาอยู่บ้าน ฉันไม่ได้รู้สึกว่ามันอบอุ่นหรืออาราย แต่คิดๆ ไปมันคงอุ่นมั้ง เพราะมันก้อเป็นที่นอน ที่นั่งเล่น นอนเล่น อ่านหนังสือ เวลาอยู่บ้าน ฉันจะมีพื้นที่ส่วนตัวมาก ๆ บางทีมากสะจนพ่อคิดว่าไม่อยู่บ้านเพราะสามารถอยู่ได้ในห้องทั้งวันโดยที่ไม่ลงมาให้เห็นหน้า ไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน ถือเป็นพื้นที่ที่ใช้พักผ่อน นอนหลับ เอ็นเทอร์เทน อย่างเต็มที่……แต่พ่อฉันก้อแก่มากแล้ว พี่สาวฉันก้อน่าจะต้องแต่งงานออกไปในเร็ววัน……สักวันฉันคงต้องอยู่คนเดียว

  8. wuttithon พูดว่า:

    ทำไมกระทู้นี้ถึงเป็นความสุขปนเศร้าอย่างนี้
    อ่านแล้วรู้สึกเศร้ามากกว่ามีความสุข แปลกเนอะ……….

  9. จารุภัทร พูดว่า:

    รู้สึกเหมือนทำให้ทุกคนแอบเศร้าตามไปด้วย
    ก็ขอโทษทุกคนด้วยที่ ช่วงนี้ไม่ได้เล่าอะไรสนุกๆให้ฟังเลย
    หลายครั้งแล้วด้วย
    เมื่อคืนก็เกือบอัพเรื่องนึง แต่รู้สึกว่า เรื่องนี้มันมีบรรยากาศแบบเศร้าๆอีกละ
    แล้วมันถี่ไปรึเปล่า เลยยังไม่อัพ ทิ้งช่วงนิดนึงดีกว่า
    ถ้าเผื่อนึกอะไรสนุกๆได้จะได้คั่นกลางไป แต่ไม่รู้สิ ดวงช่วงนี้นรกแตกจริงๆ
    อาจต้องอัพเรื่องที่มีบรรยากาศเหมือนเดิมหรือใกล้เคียงงี้อีกก็ได้
    ชีวิตมันก็งี้แหละครับ………มีสุขก็ต้องมีเศร้ากันบ้าง ตามจังหวะชีวิต จะนำพาไป

  10. saengthiwa พูดว่า:

    เวลานอนหลับแล้วฝัน เป็นเหมือนกันรึเปล่า
     
    ถ้าฉันฝันเห็นตัวเองอยู่ในบ้าน ฉันจะเห็นบ้านสมัยเด็กเสมอ ทุกวันนี้ ย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ เป็นสิบกว่าปีแล้ว
    แต่บ้านในความฝันของฉันกลับเป็นบ้านสมัยยังเด็กเสมอ  บ้านที่ศรีราชา ที่มีป๊า แม่ และน้อง
    แม้ทุกวันนี้ เคยกลับไปสำรวจบ้านหลังนั้นที่ศรีราชา จะเห็นแค่บ้านไม้เก่าๆ โทรมๆ หลังหนึ่ง มีใครไม่รู้โผล่หน้าออกมามอง
    ความรู้สึกคือ มันไม่ใช่บ้านเราอีกแล้ว
     
    แต่…
     
    บ้านหลังนั้น ยังเป็น"บ้านของฉัน"เสมอ
    ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหน บ้านของฉันยังมีชีวิตอยู่ในฝัน ยังชัดเจน อบอุ่น และมีชีวิตชีวา
     
    และ หลับฝันครั้งใด ฉันก็ยังอยู่ที่นั่น ….

  11. Pummie พูดว่า:

    ไม่ได้แวะมานาน พึ่งจะมีโอกาสเห็นบล๊อกนี้ของเธอ
    ความรู้สึกที่ได้อ่านตอนแรก….บอกตรงๆ ว่า งงและแปลกใจนิดๆ แต่พออ่านไปเรื่อยๆ ตั้งสติได้ (บวกกับประมวลเรื่องราวที่ได้รับรู้บางส่วน) ทำให้พอจะเห็นภาพว่าอะไรทำให้เธอรู้สึกสับสนจนไม่สามารถประมวลออกมาเป็นเรื่องเป็นราวอย่างที่เธอต้องการ
    เอาเป็นว่า…ไม่พูดเรื่องบ้านละกันนะ เพราะคิดว่า "บ้าน" เป็น symbol ของอะไรบางอย่างในใจของเธอ
    อยากบอกว่า….ขอพูดตรงๆ หน่อยนะ
    เธอควรหาทาง "จัดการ" กับอารมณ์ของเธอหน่อยนะหนุ่ม (ชั้นเป็นห่วงจริงๆ) ชั้นว่าเธอกำลัง….คิดสิ่งถึงที่ผ่านไปแล้วมากเกินไปอ่ะ
    ถ้าจะคิดถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้ว…คิดถึงแต่เรื่องดีๆ เรื่องที่เป็นความสุข เรื่องที่จะเป็นกำลังใจให้สู้ต่อไปจะดีกว่าป่าว?
    คิดถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้ว แต่กลับไปแก้ไขไม่ได้น่ะ…เอาไว้เป็น "บทเรียน" ละกัน
    ที่ผ่านมาเธอบอกว่าเธอก็ไม่รู้ว่าทำอะไรเพื่ออะไรชิมิ….ต่อจากนี้ เธอก็ทำอะไรเพื่อความสุขของตัวเองซะสิ
    อยากทำอะไรก็ทำ ไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ….สั้นๆ ง่ายๆ ทำตัว "สุขนิยม" ซักพัก เผื่อจะหาเจอว่าที่ผ่านมาเธอต้องการอะไร
    ไม่รู้ว่าเกี่ยวรึป่าวนะ แต่ก็….อยากบอกอีกอย่างว่า "อย่าคิดมาก" เดี๋ยวผมร่วงหมดหัวนะเฟร้ยยยยยยยย…..
     
    อ่อ…แล้วถ้าอยากมีบ้าน เธอก็เก็บตังค์ซื้อบ้านสิวะ ดูอีบักตู่นู่น….เมียก็ไม่มียังอุตส่าห์ไปซื้อบ้านรอเลย…..ชิมิ?
    ฝากไว้สุดท้าย….ถ้ายังไม่มีเมียไว้เล่าปัญหาหนักใจ โลกนี้น่ะ เค้ามีคนที่เรียกว่า "เพื่อน" นะเฟร้ย… เพื่อนน่ะเค้ามีไว้คุยมีไว้ปรับทุกข์เด้อ…..

  12. OnlyNueng พูดว่า:

    ขอโทษนะ
    เม้นต์ไม่ออก
    เพราะแต่ละคนก็เมนต์กันมาเยอะแล้ว
    เอาเป็นว่า มาเป็นกำลังใจนะจ๊ะ
     
    ซักวันมันต้องเป็นวันของหนุ่มเองแหล่ะ
    มีหลายคนที่เริ่มจากความว่างเปล่า
    แต่ในที่สุด เมื่อเค้ารู้จักตัวเอง
    เค้าก็เป็นคนที่เต็มเปี่ยมด้วยสิ่งที่เค้าต้องการ
     
    เดี๋ยวมันก็ผ่านไปเองแหล่ะ
     

  13. hon พูดว่า:

    บ้านพี่หนุ่มเป็นบ้านที่เพื่อนๆแวะเวียนมาบ่อยๆ กลับมาอ่านทีไร ก็ได้ความรู้สึกใหม่ๆกลับไปทุกครั้ง
    อยากจะบอกพี่หนุ่มว่าไม่เป็นไรหรอก ถึงจะมีแต่เรื่องเศร้าๆ บางจังหวะเวลา ชีวิตคนมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ
    พี่หนุ่มเล่ามา เพื่อนๆก็ดีใจด้วยซ้ำที่มีส่วนได้รับฟัง ได้รับรู้ความเป็นไป บ้าง…
    หงไม่แน่ใจ พอได้อ่านความเห็นของเพื่อนๆแล้วพี่หนุ่มรู้สึกแบบนี้หรือเปล่า

  14. hon พูดว่า:

    ปกติ หงไม่ค่อยเล่าเรื่องในชีวิตหลายๆเรื่อยให้ใครฟัง
    ยกเว้นบางครั้ง ที่เพื่อนรู้สึกแย่…แล้วหงคิดว่าเออ เราเคยผ่านประสบการณ์คล้ายๆกันนี้มา ก็อยากแบ่งปัน
    เพื่อจะบอกว่า ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไรหรอก แล้วเวลา…จะช่วยให้ดีขึ้น จริงๆ(หวังว่าจะไม่ค่อยมีใครกลับมาอ่านนะ อายจัง)
     
    คือ มีอยู่ช่วงเวลาหนึ่งในชีวิตหง ที่รู้สึกว่า ไม่มีความฝัน ไม่มีความหวัง ไม่รู้จะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร
    ไม่มีความรัก ไม่มีความผูกพันให้กับโลกใบนี้ ไม่มีความรัก แม้ให้กับตัวเอง
    ใช้ชีวิตอยู่ไปวันๆ รอคอย..ว่าจะมีอะไรสักอย่างมาจบชีวิตเรา เราจะได้หายเหนื่อยเสียที ไม่มีเราเสียคน โลกนี้ก็ไม่ได้สูญเสียอะไร
    ตอนนั้นเป็นเพราะสิ่งที่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต มันบิดเบี้ยว แล้วพังทลายลงไปต่อหน้าต่อตา
    ส่วนสำคัญของชีวิต มันหายไป
    …ความฝันก็หายไปพร้อมกัน…
    หงใช้ชีวิตอยู่อย่างนั้น 2 ปีเต็ม ไม่มีใครรู้ คิดไว้ในใจกับตัวเองว่า ขอให้มีอะไรสักเรื่องนึงเถอะ ที่จะปลดปล่อยเราตลอดไป เหนื่อยเหลือเกินแล้ว
    วันเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ชีวิตก็ต้องเปลี่ยนแปลง แล้ววันหนึ่ง หงก็ก็ได้ทำสิ่งเล็กๆสำเร็จโดยไม่คาดฝัน
    สิ่งเล็กๆนั้น ทำให้หงตั้งจุดหมายในชีวิตอีกครั้ง เริ่มเห็นคุณค่าของตัวเอง
    ตอนนั้นแหละที่หงรู้จากใจเลยว่า ถ้าเราไม่รักตัวเองแล้ว เราจะรับรู้ความรักที่คนอื่นมีให้กับเราได้ยังไง แล้วเรา จะรักคนอื่นเป็นได้อย่างไร
    พอเริ่มรักตัวเองเป็น ก็เริ่มรับความรักจากคนอื่นเป็น คนแรกที่หงได้รับรู้ก็คือ แม่…
     จากนั้น หงก็เป็นหงทุกวันนี้แหละ แหะ แหะ ^^"
    หวังว่าจะช่วยได้บ้าง…นะคะ…

  15. hon พูดว่า:

    ปล.มันยาวมากจนต้องหั่นเป็นสองตอนน่ะค่ะ
    อ่านอันข้างล่างก่อนแล้วค่อยมาอันข้างบนนะจ๊ะ (มีพิมพ์ผิดด้วย ขอโต้ดกั้บ)

  16. จารุภัทร พูดว่า:

    แต๊งกิ้วจ้าหง
    พี่แก่แล้ว ไม่เป็นไรมากจริงๆ
    แค่เซ็งๆเป็นพักๆ ผ่านอะไรมาจนเยอะแยะไปหมด
    อาจมากกว่าใครใน นปร เราอีกก็ได้ ไงก็เดินต่อไปอะนะ
    ฉันไม่ได้จมอยู่ในอดีตนะเฟร้ย
    อดีตกับความทรงจำคนละอันกันคับ
    แต่เหมือนกันตรงที่ผ่านไปหมดแล้ววว

  17. PooH พูดว่า:

    ขอบคุณมากค่ะ พี่
     
    มาให้กำลังใจเหมือนเดิม
     
    ปล. คิดว่าอาทิตย์หน้าอาจจะไปยันฮี จะให้ไปดูราคาให้ป่ะ
     

ส่งความเห็นที่ hon ยกเลิกการตอบ